หนึ่งในร้อย: The 1934 Collection

หนึ่งในร้อย: The 1934 Collection: การสร้างสรรค์แฟชั่นด้วย AI เพื่อรำลึกถึงจิตวิญญาแห่งนวนิยายต้นฉบับสุดคลาสสิกของดอกไม้สด

หนึ่งในร้อย: The 1934 Collection คือคอลเลกชันแฟชั่นย้อนยุคที่รังสรรค์ผ่านเทคโนโลยี AI เพื่อถ่ายทอดความสง่างามของสยาม ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ตอนปลาย ช่วงต้นทศวรรษ 2470 ได้อย่างละเมียดละไม โดยได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยาย หนึ่งในร้อย ผลงานอมตะของ "ดอกไม้สด" ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) ในช่วงเวลาหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสังคมไทย

นวนิยายเรื่องนี้ เล่าถึงความขัดแย้งระหว่างหัวใจของหญิงสาวหัวสมัยใหม่กับกรอบค่านิยมที่เคร่งครัดของชายหนุ่มผู้ยึดมั่นในระเบียบแบบแผนดั้งเดิม ความรักผิดฝาผิดตัวของทั้งสองคนกลายเป็นฉากสะท้อนของการเปลี่ยนผ่านในสังคมสยาม ซึ่งอยู่ระหว่างอารยธรรมตะวันตกกับจารีตประเพณีไทย

ในปี พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) หนึ่งในร้อย ได้รับการดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์ฉบับใหม่ ออกอากาศทางช่อง 3 เอชดี นำแสดงโดย คุณ ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร และ คุณ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ พร้อมปรับเปลี่ยนฉากหลังของเรื่องให้อยู่ในช่วง พ.ศ. 2493–2502 (ค.ศ. 1950–1959) เพื่อสร้างอารมณ์ย้อนยุคในแบบช่วงกลางศตวรรษ และเป็นช่วงที่คนสามารถมีส่วนร่วมในด้านการจินตนาการของยุคสมัย เพราะยังไม่ไกลตัวจนเกินไป

เครื่องแต่งกายละครฉบับนี้ออกแบบโดย คุณธวัชชัย เพชรวารา และ คุณ เก๋ วิริยา พงศ์ขจร สองคอสตูมดีไซน์เนอร์ ผู้มีผลงานเด่นจาก กลกิโมโน (2558), ลิขิตรัก (2561) และ มาตาลดา (2566) ภายใต้แนวคิดของ คุณแอน ทองประสม ผู้จัดละคร ซึ่งตั้งใจลดทอนความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ และเลือกใช้สไตล์แฟชั่นร่วมสมัยด้วยแรงบันดาลใจจากแฟชั่นสมัยรีเจนซีเพื่อให้เกิดอรรถรสทางภาพ คุณ เก๋ วิริยาออกแบบเครื่องแต่งกายของตัวละครให้มีความสวยงามแบบในฝัน และดึงกลิ่นอายของซีรีส์ Bridgerton: วังวนรัก เกมไฮโซ มาใช้บางส่วน ในขณะที่ชุดของตัวละครที่มีความคิดโบราณ เช่น “วิชัย” ก็มีการประยุกต์ลวดลายไทยเพื่อสะท้อนบุคลิก ส่วนชุดของ “อนงค์” หญิงสาวหัวสมัยใหม่ ใช้สีสันฉูดฉาดเพื่อสื่อถึงความเป็นอิสระและความกล้าหาญทางความคิด

แต่สำหรับคอลเลกชันนี้ ผมตั้งใจรังสรรค์แฟชั่นให้ตรงตามยุคสมัยที่นวนิยายเรื่องนี้ถือกำเนิดจริง พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) แฟชั่นและการออกแบบเครื่องแต่งกาย “หนึ่งในร้อย: The 1934 Collection” แตกต่างจากงานละครที่ คุณ เก๋ วิริยะ ได้ออกแบบไว้โดยสิ้นเชิง

ผมสร้างสรรค์โดยใช้รูปถ่ายจากแหล่งอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ควบคู่กับความรู้ด้านประวัติศาสตร์แฟชั่นตะวันตกที่ได้ศึกษามา และที่ได้เคยออกแบบภาพยนตร์ที่อังกฤษมาแล้วสองเรื่อง และผสมผสานกับการออกแบบด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยการเทรน Flux LoRA เพื่อให้ภาพแฟชั่นออกมาอย่างสมจริงและตรงยุคมากที่สุด

แฟชั่นสตรีในยุค 1930s เป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนผ่านจากซิลูเอตทรงเลขาคณิตของยุค 1920s ไปสู่โครงสร้างของชุดที่เน้นความอ่อนช้อย ละมุนละไม และเน้นสรีระมากขึ้น เดรสยาวระดับกลางน่อง แขนระบาย หรือแขนผ้าโปร่งพลิ้ว คอเสื้อประดับลูกไม้หรือลูกปัดอย่างประณีต หมวกปีกกว้าง ถุงมือไข่มุก และรองเท้าหัวกลม คือองค์ประกอบสำคัญของแฟชั่นสตรีในสมับนี้ และผมก็ได้จินตนาการว่า สตรีชนชั้นกลางในสยามนิยมใช้เพื่อสะท้อนความเรียบร้อยตามค่านิยมตะวันตก

สำหรับแฟชั่นบุรุษ คอลเลกชันนี้ ผมเลือกนำเสนอ “ชุดสูทสามชิ้นแบบปกไขว้” หรือ three-piece suit พร้อมปกเสื้อยอดแหลม (peak lapel) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแฟชั่นสุภาพบุรุษในยุคนั้น เสริมความสง่างามด้วยหมวกเฟโดรา หรือหมวกปานามา และรองเท้าหนังแบบคลาสสิกแบบโทนสีสองสี ชุดสูทสไตล์นี้ไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่นที่นิยมในยุค 1930 เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นชุดสูททรงคลาสสิคของสุภาพบุรุษมาจนถึงปัจจุปัน

คอลเลกชันนี้จึงไม่ใช่เพียงการ “แต่งกายย้อนยุค” แต่คือการตีความประวัติศาสตร์ของนวนิยายเรื่อง "หนึ่งในร้อย" ด้วยมุมมองที่ถูกต้องตามประวัติศาสตร์ เพื่อสร้างสรรค์แฟชั่นที่มีความเที่ยงตรงอย่างสวยงาม ทั้งยังเป็นการรำลึกถึงจิตวิญญาณของนวนิยาย “หนึ่งในร้อย” ตามต้นฉบับอันงดงาม ที่ ดอกไม้สด ได้รังสรรค์ไว้เมื่อเกือบหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา

“หนึ่งในร้อย: The 1934 Collection” An AI Fashion Tribute to the Original Spirit of Dokmai Sot’s Classic Novel

My Chérie Amour is a heritage fashion collection that reimagines the elegance of early 20th-century Siam through AI-enhanced visuals, inspired by หนึ่งในร้อย (Neung Nai Roi), a classic Thai novel written by Dokmai Sot in 1934 (B.E. 2477) and recently adapted into a 2024 television series on Channel 3 HD, starring Thanapob Leeratanakajorn and Urassaya Sperbund. The original novel was set just after the 1932 Siamese Revolution and captures the cultural tensions between modernity and tradition, particularly through the romantic conflict between a forward-thinking young woman and a deeply conservative man.

While the 2024 adaptation relocates the storyline to the 1950s (B.E. 2493–2502 / A.D. 1950–1959), this AI collection remains true to the novel’s original 1934 setting, using historically accurate silhouettes and dress culture as its foundation. It is a deliberate contrast to the television series, whose costume design—led by Thawatchai Phetwara and Wiriya Phongkhajorn, known for Kol Kimono (2015), The Crown Princess (2018), and Matalada (2023)—was adapted under the creative direction of producer Anne Thongprasom. In the series, Wiriya interpreted the costumes with a Regency-inspired flair, favouring aesthetic storytelling over historical accuracy. Vichai’s designs for the more traditional characters incorporate subtle Thai elements to reflect their old-fashioned worldviews, while the character Anong’s wardrobe stands out with vivid colours and bold styling, representing her progressive personality. Hairstyles were loosely inspired by the popular period drama Bridgerton.

In contrast, My Chérie Amour explores what the fashion might have looked like if fully grounded in 1930s Siam. Women’s dresses in the collection reflect the graceful shift away from the geometric lines of the 1920s towards a more flowing, feminine silhouette. The hemlines fall to mid-calf, sleeves are soft and fluttery, and embellishments often feature lace, embroidery, or beading. Straw hats with wide brims, pearls, gloves, and delicate shoes complete the look, symbolising refined elegance and propriety.

Men’s fashion in the collection honours the timeless silhouette of the 1930s: three-piece suits with strong peak lapels, double-breasted jackets, and sharply creased trousers. Fedora hats and Panama styles were essential to a gentleman’s wardrobe, underscoring the importance of headwear in this era. These silhouettes became iconic and continue to influence men’s tailoring today.

By blending AI design with historical research, this project not only preserves the fashion heritage of 1930s Siam but also reinterprets it through a contemporary lens—celebrating the art of costume as a cultural archive and a form of storytelling in its own right.

#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashion #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #flux

Previous
Previous

จินตนาการแฟชั่นชุดแต่งงานในสยาม ยุค 1920s: ยุคใหม่แห่งความสง่างามในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖

Next
Next

Edward Molyneux และชุดราตรีสีขาว ในสมัยรัชกาลที่ ๗