“4  สายราชสกุล-ราชินิกุล-สกุล: “กิติยากร-พิศลยบุตร-เทวกุล-สุจริตกุล” สายพระชนก ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

“4  สายราชสกุล-ราชินิกุล-สกุล: “กิติยากร-พิศลยบุตร-เทวกุล-สุจริตกุล” สายพระชนก ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”

ภาพที่ผ่านการบูรณะและสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี AI นี้ เป็นพระฉายาลักษณ์ พระรูป และภาพ ของ 4  สายราชสกุล-ราชินิกุล-สกุล: “กิติยากร-พิศลยบุตร-เทวกุล-สุจริตกุล” สายพระชนก ใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ และหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร

เนื่องจากพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ พระชนกในพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระโอรสใน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ และ หม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน (เทวกุล) กิติยากร ราชสกุล-ราชินิกุล-สกุล สายพระชนก จึงเกี่ยวเนื่องด้วยราชสกุลกิติยากร, ราชสกุลเทวกุล, สกุลพิศลยบุตร และสกุลสุจริตกุล

__________________

“กิติยากร-พิศลยบุตร”

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ต้นราชสกุล “กิติยากร” พระนามเดิมคือ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ ประสูติเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2417 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 12 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประสูติแต่ เจ้าจอมมารดาอ่วม จากสกุล “พิศลยบุตร”

เจ้าจอมมารดาอ่วม เป็นธิดาคนที่ 3 ของ พระยาพิสณฑสมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม พิศลยบุตร) หรือ “เจ้าสัวยิ้ม” กับขรัวยายปราง (สกุลเดิม “สมบัติศิริ”)

ต้นสกุลพิศลยบุตรคือ หลวงบรรจงวาณิช (เหล่าบุ่นโข่ย) ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นชาวจีนฮกเกี้ยน เดินทางมาสยามโดยเรืออั้งจุ๋น (สำเภาแดง) จากเมืองอ้วงเก่ฉู่ มณฑลฮกเกี้ยน ประเทศจีน

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ชุบเลี้ยงนายเหล่าบุ่นโข่ยอย่างสนิทเสน่หา และพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงบรรจงวานิช ท่านมีบุตรและธิดากับท่านจาดและภริยาคนอื่น ๆ หลายคน แต่ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง หนึ่งในนั้นก็คือ ยิ้ม พิศลยบุตร

สมัยรัชกาลที่ 4 พระยาพิสณฑสมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม พิศลยบุตร) ซึ่งขณะนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็นพระภาษีสมบัติบริบูรณ์ เจ้าภาษีฝิ่น ตัดสินใจซื้อโรงงานน้ำตาลเมืองนครชัยศรีจากชาวยุโรป เพื่อตัดปัญหาเจ้าของโรงงานโกงเงินค่าอ้อยชาวไร่ จากนั้นขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตขุดคลองขนส่งน้ำตาลมากรุงเทพฯ และเป็นเส้นทางคมนาคมของประชาชน เชื่อมคลองบางกอกใหญ่กับแม่น้ำเมืองนครชัยศรี พระราชทานนามคลองว่า “คลองภาษีเจริญ” ตามราชทินนามผู้ขุด

เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค แล้วทอดพระเนตรเห็น “คุณอ่วม” บุตรีพระยาพิสณฑสมบัติบริบูรณ์ ซึ่งยืนชื่นชมพระบารมีจากหน้าต่างบ้าน ทำให้พระองค์ต้องพระราชหฤทัยและส่งคุณท้าวไปสู่ขอจากบิดา แม้พระยาพิสณฑสมบัติบริบูรณ์จะไม่ยินยอมในทีแรก เพราะได้หมั้นหมายคุณอ่วมกับชายอื่นไปแล้ว แต่หลังจากผู้ใหญ่ในวังมาเจรจาก็เป็นอันเข้าใจกัน และยอมน้อมเกล้าฯ ถวายธิดาเป็นบาทบริจาในรัชกาลที่ 5

เจ้าจอมมารดาอ่วมประสูติพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ ต้นราชสกุลกิติยากร ทั้งทรงเป็นพระราชโอรสรุ่นแรกในรัชกาลที่ 5 ที่ได้เสด็จไปทรงศึกษาต่อต่างประเทศ ณ ทวีปยุโรป ก่อนจะกลับมารับราชการในสยามเมื่อ พ.ศ. 2437

หลังกลับสยาม ทรงได้รับสถาปนาขึ้นทรงกรม เป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นจันทบุรีนฤนาถ แล้วเลื่อนพระอิสริยยศขึ้นเป็นพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ก่อนทรงได้รับแต่งตั้งเป็นนายพลตรี และเป็นอภิรัฐมนตรี ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7

ในบั้นปลายพระชนมชีพ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ เสด็จไปรักษาอาการประชวรที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และสิ้นพระชนม์ที่นั่นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2474 พระชันษา 57 ปี

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ ทรงเสกสมรสกับ “หม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน เทวกุล” ธิดามหาอำมาตย์นายก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ประสูติแต่หม่อมใหญ่ เทวกุล

__________________

“เทวกุล-สุจริตกุล”

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ต้นราชสกุล “เทวกุล” พระนามเดิมคือ พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงษ ประสูติเมื่อ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2401 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 42 ในรัชกาลที่ 4 ประสูติแต่ เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม หรือสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา 

เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมประสูติพระราชโอรสและธิดา 6 พระองค์ ประกอบด้วย

1. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย

2. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงษ

3. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าหญิงสุนันทากุมารีรัตน หรือต่อมาคือสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน พระบรมราชเทวี

4. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงสว่างวัฒนา หรือต่อมาคือ สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า

5. พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าหญิงเสาวภาผ่องศรี หรือต่อมาคือสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ

6. พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิโสภณ หรือต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฎ์

ในสมัยรัชกาลที่ 5 พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงษ ทรงเริ่มงานราชการด้วยการเป็นพนักงานตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบผลประโยชน์ของแผ่นดิน และการจัดเก็บภาษีอากรของกระทรวงต่าง ๆ ก่อนจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น กรมหมื่นเทวะวงษวโรปการ เมื่อ พ.ศ. 2424 จากนั้นทรงรับราชการหลายตำแหน่ง จนได้เลื่อนยศเป็น “กรมหลวง” ใน พ.ศ. 2429 และเลื่อนขึ้นเป็น “สมเด็จกรมพระยา” ในสมัยรัชกาลที่ 6

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2466

กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ ทรงเสกสมรสกับ “หม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา” สกุลเดิมของท่านคือ “สุจริตกุล”

หลวงอาสาสำแดง (แตง) และท้าวสุจริตธำรง (นาค) คือต้นสกุลสุจริตกุล หลวงอาสาสำแดง (แตง) เกิด พ.ศ. 2326 รับราชการเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เป็นสมุห์บาญชีกรมหมาดเล็กเวรฤทธิ์ และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงอาสาสำแดง ตำแหน่งเจ้ากรมเรือต้นซ้าย ในสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2395 อายุ 71 ปี

ส่วนท้าวสุจริตธำรง (นาค) เกิด พ.ศ. 2355 แล้วรับราชการฝ่ายในมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นท้าวทองพยศ ตำแหน่งนายวิเสทกลางสำรับหวาน เมื่อท่านถึงอนิจกรรมใน พ.ศ. 2434 อายุ 79 ปี รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นท้าวสุจริตธำรง

ทั้งคู่มีบุตรธิดารวม 9 คน (เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยมในรัชกาลที่ 4 เป็นคนที่ 5) ซึ่งบุตรคนที่ 3 คือ เจ้าพระยาศิริรัตนมนตรี (หงส์ สุจริตกุล) คือบิดาของหม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา นั่นเอง

หม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา เป็นธิดาคนที่ 2 ของเจ้าพระยาศิริรัตนมนตรี (หงส์ สุจริตกุล) และคุณหญิงตาด ธิดาพระยาราชสงคราม (ทองอิน ธรรมสโรช) ที่สำคัญคือท่านเป็น “สหชาติ” คือเกิดและประสูติวันเดียวกันกับสมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ (27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2401) ด้วย

หม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา ถึงอนิจกรรมเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2479 สิริอายุ 78 ปี ประสูติโอรสธิดา 11 องค์ ธิดาองค์โตคือ “หม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน” ชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ นั่นเอง

ผู้เขียน กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม

เผยแพร่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2568

__________________

Four Royal and Noble Lineages on the Paternal Side of Her Majesty Queen Sirikit, The Queen Mother:

Kitiyakara – Phisonlayabutr – Devakula – Sucharitkul

The images restored and artistically recreated by AI here present royal portraits and photographs representing the four royal and noble lineages on the paternal side of Her Majesty Queen Sirikit, The Queen Mother (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง):
the Kitiyakara, Phisonlayabutr, Devakula, and Sucharitkul families.

Her Majesty Queen Sirikit is the daughter of Prince Chandaburi Suranath (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) and Mom Luang Bua Kitiyakara (หม่อมหลวงบัว กิติยากร; née Snidvongs).

Because Prince Chandaburi Suranath was the son of Prince Chandaburi Naruenat (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ) and Princess Apsornsaman Kitiyakara (หม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน กิติยากร; née Devakula), the paternal ancestry of Her Majesty is therefore linked to the Royal House of Kitiyakara, the Royal House of Devakula, and the noble families of Phisonlayabutr and Sucharitkul.

__________________

“Kitiyakara – Phisonlayabutr”

Prince Chandaburi Naruenat (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ), founder of the Kitiyakara royal house, was born as Prince Kittiyakara Voralaksana (พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์) on 8 June 1874. He was the 12th son of King Chulalongkorn (Rama V) (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) and Chao Chom Manda Uam(เจ้าจอมมารดาอ่วม), who came from the Phisonlayabutr family (สกุลพิศลยบุตร).

Chao Chom Manda Uam (เจ้าจอมมารดาอ่วม) was the third daughter of Phraya Phisonlayabutr Buri Rom (ยิ้ม พิศลยบุตร), widely known as “Chao Sua Yim”, and Lady Prang (ขรัวยายปราง; née Sombatsiri — สมบัติศิริ).

The founder of the Phisonlayabutr family was Luang Banchong Vanich (หลวงบรรจงวาณิช; Chinese name: Lao Bun Khoei), whose ancestors migrated from Fujian aboard the Ang Chun (“Red Junk”).
King Mongkut (Rama IV) (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) took him under royal patronage and granted him noble rank.

His son Yim Phisonlayabutr, who became Phraya Phisonlayabutr Buri Rom, was a prominent opium tax farmer. During King Mongkut’s reign he purchased a sugar factory from Europeans in Nakhon Chaisi, and later petitioned to excavate a canal connecting Nakhon Chaisi to Bangkok. This canal was named Khlong Phasi Charoen (คลองภาษีเจริญ) after his noble title.

A well-known account recounts that King Chulalongkorn once travelled by barge and caught sight of Uam (อ่วม) looking out from a window. The King was taken by her beauty and asked his attendants to negotiate with her father, who had arranged her marriage elsewhere. After discussions, he consented to offering his daughter as a royal consort.

Chao Chom Manda Uam bore one son:
Prince Kittiyakara Voralaksana, founder of the Kitiyakara royal house. He was also among the first royal sons sent to study in Europe during the reign of King Chulalongkorn.

Upon returning to Siam in 1894, he entered government service and was later elevated to:
Prince Chandaburi Suranath (กรมหมื่นจันทบุรีนฤนาถ)
Prince Chandaburi Naruenat (กรมพระจันทบุรีนฤนาถ) under King Vajiravudh (Rama VI),
eventually becoming a Lieutenant-General and Aphiratcha Montri (อภิรัฐมนตรี) under King Prajadhipok (Rama VII).

He passed away in Paris on 27 May 1931, aged 57.

Prince Chandaburi Naruenat married Princess Apsornsaman Devakula (หม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน เทวกุล), daughter of Prince Devawongse Varopakarn and Mom Yai Devakul na Ayudhya.

__________________

“Devakula – Sucharitkul”

Prince Devawongse Varopakarn (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ), founder of the Devakularoyal house, was born Prince Thewan Uthai Wong (พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงษ) on 27 November 1858.
He was the 42nd son of King Mongkut (Rama IV), born to Chao Khun Chom Manda Piam (เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม; later Somdet Phiyamawadi Sri Patcharinthramata – สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา).

Chao Khun Chom Manda Piam had six children:

  1. Prince Unakan Anantanorachai (พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอุณากรรณอนันตนรไชย)

  2. Prince Thewan Uthai Wong (พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงษ)

  3. Princess Sunandha Kumariratana (สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี)

  4. Princess Savang Vadhana (สมเด็จพระศรีสวรินทิรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า)

  5. Princess Saovabha Phongsri (สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง)

  6. Prince Sawatdisophon (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฎ์)

Prince Devawongse began his service during the reign of King Chulalongkorn, working in finance and taxation. In 1881, he was appointed Prince Devawongse Varopakarn (กรมหมื่นเทวะวงษวโรปการ).
In 1886, he was elevated to Krom Luang, and under Rama VI he became Somdet Krom Phraya. He died on 28 June 1923.

He married Mom Yai Devakul na Ayudhya (หม่อมใหญ่ เทวกุล ณ อยุธยา; née Sucharitkul).

The Sucharitkul Line

The Sucharitkul family descends from:

Luang Asa Samdaeng (Taeng) (หลวงอาสาสำแดง (แตง)), born 1783, a royal page and officer of the Royal Barge Department under Kings Rama III and IV
Tao Sucharit Thamrong (Nak) (ท้าวสุจริตธำรง (นาค)), born 1812, an inner-court official who later held the rank Tao Sucharit Thamrong under Rama V.

Together they had nine children.
Their third son, Chao Phraya Siriratana Montri (Hongs Sucharitkul) (เจ้าพระยาศิริรัตนมนตรี (หงส์ สุจริตกุล)), was the father of Mom Yai Devakul na Ayudhya, the consort of Prince Devawongse Varopakarn.

Mom Yai, born 27 November 1858—the same day as Prince Devawongse, making them sahachat (สหชาติ)—passed away on 26 June 1936, aged 78.
She bore eleven children; the eldest daughter was Princess Apsornsaman Devakula, who became the consort of Prince Chandaburi Naruenat.

Author: Silpa Wattanatham Editorial Team
Published: Tuesday, 28 October 2025

__________________

เรียนเชิญกด Subscribe ได้ที่ลิงก์นี้ครับ เพื่อร่วมติดตามงานสร้างสรรค์ต้นฉบับ งานวิจัยประวัติศาสตร์แฟชั่น และผลงานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมด้วยเทคโนโลยี AI ของ AI Fashion Lab, London ซึ่งมุ่งตีความอดีตผ่านมิติใหม่ของการบูรณะภาพ การสร้างสรรค์ภาพ และการเล่าเรื่องด้วยศิลปะเชิงดิจิทัล 🔗 https://www.facebook.com/aifashionlab/subscribe/

#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashion #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand #UNESCO

Previous
Previous

การสร้างสรรค์แฟชั่นสไตล์ ล้านนา Early Teens

Next
Next

วิธีที่ผมใช้บูรณะภาพถ่ายขาวดำโบราณ โดยเฉพาะภาพที่เต็มไปด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญตรา