พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
พระวิมาดาเธอฯ กรมพระสุทธาสินีนาฏ
ภาพที่ผ่านการบูรณะและสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี AI นี้ เป็นพระรูปของ พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ทรงเป็นหนึ่งในพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านการปรุงอาหารเป็นอย่างยิ่ง แม้พระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปแล้วเกือบร้อยปี แต่สูตรอาหารสำรับพระวิมาดาเธอฯ ก็ยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน อีกประการคือ พระองค์ทรงมีพระสิริโฉมงดงาม ปรากฏในคำชมของเจ้าจอมสดับ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าจอมที่รัชกาลที่ 5 โปรดปรานยิ่งท่านหนึ่ง
พระวิมาดาเธอฯ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ทรงมีพระนามแรกประสูติว่า หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์ ทรงเป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว) กับหม่อมจีน ประสูติเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2405
ขณะทรงพระเยาว์ ประทับอยู่ที่วังพระบิดา โดยมี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร หรือที่ชาววังขานพระนามเฉลิมพระเกียรติว่า “ทูลกระหม่อมแก้ว” เป็นผู้อภิบาล
พระองค์ทรงมีพระโสทรเชษฐภคินี 2 พระองค์ คือ หม่อมเจ้าบัว ลดาวัลย์ และ หม่อมเจ้าปิ๋ว ลดาวัลย์ เมื่อทุกพระองค์ทรงเจริญวัยขึ้นก็ได้เข้ารับราชการฝ่ายในเป็นพระอรรคชายาเธอในรัชกาลที่ 5 ทั้ง 3 พระองค์ โดยทรงเป็นพระภรรยาเจ้าชั้นหลานหลวง (ด้วยทรงเป็นพระราชนัดดาในพระมหากษัตริย์รัชกาลก่อนๆ)
หม่อมเจ้าบัว มีพระอิสริยยศเป็น พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา, หม่อมเจ้าปิ๋ว มีพระอิสริยยศเป็น พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ และหม่อมเจ้าสาย มีพระอิสริยยศเป็น พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ
พระอรรคชายาเธอฯ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ ทรงมีหน้าที่ควบคุมดูแลห้องพระเครื่องต้น ของเสวยคาวหวาน ทั้งยังทรงก่อตั้งโรงเลี้ยงเด็กขึ้นเป็นแห่งแรกในสยาม ที่ตำบลสวนมะลิ ถนนบำรุงเมือง เป็นการอุทิศพระกุศลประทาน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี ภัทรวดีราชธิดา พระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในรัชกาลที่ 5 ที่ประสูติแต่พระอรรคชายาเธอฯ ที่สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2432 สิริพระชันษา 5 ปี
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาพระอรรคชายาเธอฯ ขึ้นเป็นพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา
พระวิมาดาเธอฯ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2472 สิริรวมพระชันษา 66 ปี
พระสิริโฉม พระวิมาดาเธอฯ ในสายตาเจ้าจอมสดับ
เจ้าจอมสดับ เดิมมีนามว่า หม่อมราชวงศ์สั้น ลดาวัลย์ เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2433 เป็นธิดาในหม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์ กับหม่อมช้อย ลดาวัลย์
หม่อมเจ้าเพิ่ม ทรงเป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี ประสูติแต่หม่อมสาด ดังนั้น เจ้าจอมสดับจึงเป็นพระญาติในพระวิมาดาเธอฯ
เจ้าจอมสดับเคยเล่าถึงพระสิริโฉม พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์ กับพระวิมาดาเธอฯ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ไว้ว่า
“พระวิมาดาเธอฯ เมื่อสาวๆ เขาเล่ากันว่าท่านสวยงามนัก หม่อมแม่ข้าพเจ้าบอกว่า คุณตาของข้าพเจ้าชมว่าเป็นผู้งาม 4 ทิศ หายาก แต่สำหรับนัยน์ตาข้าพเจ้าเห็นว่าพระอัครชายาพระองค์กลางงามกว่า ที่พูดดังนี้ที่จริงข้าพเจ้าไม่เคยเห็นพระองค์ท่าน เพราะสิ้นพระชนม์ก่อนที่ข้าพเจ้าจะเข้าไปอยู่ในพระบรมมหาราชวัง เห็นแต่พระรูปก็เห็นชัดว่าพระพักตร์หวานอ่อน
ส่วนพระอัครชายาพระองค์เล็กท่านงามคม ทูลกระหม่อมแก้วไม่ค่อยจะทรงสะอื้นโอ๊ะอี๋นัก โปรดน้อยกว่าท่านองค์กลาง
เขาเล่ากันว่าท่านองค์เล็กเป็นคนช่างเพ็ดช่างทูล ถ้าทูลกระหม่อมแก้วกำลังรับสั่งหรือทรงทำอะไรอยู่ที่ยังไม่มีพระประสงค์จะให้ความทราบถึงเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง พอท่านองค์เล็กโผล่เข้าไปถึงพระองค์ ก็ต้องทรงหยุดทันที กลัวจะเก็บไปเล่าถวาย
ฝ่ายท่านองค์กลาง ทูลกระหม่อมแก้วทรงพระเมตตากรุณามาก เล่ากันว่าเวลาทรงพระครรภ์ ทูลกระหม่อมแก้วถึงกับทรงฝนพระโอสถทาพระนาภีให้เอง ประสูติแล้วก็ทรงเลี้ยงพระกุมารีนั้นด้วยพระองค์เอง จนเจ้านายชั้นใหญ่ๆ ที่ได้รับประสบการณ์ในขณะนั้นแทบทุกพระองค์รับสั่งกันอย่างขบขันว่า ใครจะประจบทูลกระหม่อมแก้วก็ต้องไปอุ้มสมเด็จหญิงใหญ่ลูกท่านองค์กลางให้ทอดพระเนตรเห็น เท่านั้นแหละโปรดเกิ๊กก๊ากทีเดียว…”
ในสายตาเจ้าจอมสดับ ถือได้ว่าทั้ง 2 พระองค์ทรงมีพระสิริโฉมโดดเด่นต่างกัน...
ผู้เขียน กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่ วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ.2567
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_137680
______________________________
Princess Saisavali Bhiromya, The Princess Suddhasininat Piyamaharaj Padivaradda
(พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา)
This AI-restored and artistically re-imagined portrait depicts Princess Saisavali Bhiromya (พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา), one of the royal consorts of King Chulalongkorn (Rama V)(พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว).
Renowned for her extraordinary culinary talent, her recipes remain beloved more than a century after her passing. She was also celebrated for her beauty, a fact famously mentioned by Chao Chom Sadap (เจ้าจอมสดับ), one of King Chulalongkorn’s most favoured consorts.
Early Life
Princess Saisavali Bhiromya was born H.M. Princess Sai Ladavalya (หม่อมเจ้าสาย ลดาวัลย์) on 4 September 1862(พ.ศ. 2405).
She was the daughter of Prince Phumintraphakdi (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดี), son of King Nangklao (Rama III) (พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว), and Mhom Jean (หม่อมจีน).
During childhood, she resided in her father’s palace under the care of Princess Sudaratana Rajaprayoon (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร), affectionately called “Thun Kramom Kaeo” (ทูลกระหม่อมแก้ว), who served as her guardian.
Her Sisters
She had two elder sisters:
M.C. Bua Ladavalya (หม่อมเจ้าบัว ลดาวัลย์)
M.C. Piew Ladavalya (หม่อมเจ้าปิ๋ว ลดาวัลย์)
All three sisters entered service in the Inner Court during the reign of King Chulalongkorn and became royal consorts of princely rank, as they were granddaughters of a previous king.
Their ranks were as follows:
H.R.H. Princess Ubolratana Narinaka, Princess Akkharawaranyalak
(พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา) – M.C. BuaH.R.H. Princess Saovakhana Nari Rat, the Elder Princess Consort
(พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์) – M.C. PiewH.R.H. Princess Saisavali Bhiromya, Princess Suddhasininat
(พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏ) – M.C. Sai
Service to King Chulalongkorn
As Princess Suddhasininat, she oversaw the Royal Kitchens, supervising the preparation of savoury and sweet dishes served to the King.
She also founded the first orphanage in Siam, located in Suan Mali on Bamrung Muang Road. This charitable institution was created in memory of her daughter:
H.R.H. Princess Napachorn Chamratsri Phattharawarirajdhida
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้านภาจรจำรัสศรี ภัทรวดีราชธิดา)
who passed away in 1889 (พ.ศ. 2432) at the age of five.
Elevation to Princess Vimol Devah
In the reign of King Prajadhipok (Rama VII) (พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว), she was elevated to:
Princess Vimol Devah, The Princess Suddhasininat Piyamaharaj Padivaradda
(พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา)
She passed away on 24 June 1929 (พ.ศ. 2472), aged 66.
Her Beauty in the Eyes of Chao Chom Sadap
(พระสิริโฉมในสายตาเจ้าจอมสดับ)
Chao Chom Sadap (เจ้าจอมสดับ), born M.R.W. San Ladavalya (หม่อมราชวงศ์สั้น ลดาวัลย์) in 1890 (พ.ศ. 2433), was the daughter of M.C. Perm Ladavalya (หม่อมเจ้าเพิ่ม ลดาวัลย์) and Mhom Choi (หม่อมช้อย).
Her father, Prince Perm, was also a son of Prince Phumintraphakdi, making Chao Chom Sadap a younger relative of Princess Saisavali Bhiromya.
She recalled the beauty of Princess Saovakhana Nari Rat (พระอัครชายา พระองค์เจ้าเสาวภาคย์นารีรัตน์) and Princess Saisavali Bhiromya as follows:
“When Princess Vimol Devah was young, she was said to be exceedingly beautiful.
My mother told me that my grandfather used to praise her as a rare beauty, admired in all four directions.
Yet, to my eyes, the middle princess was even more striking.
I never saw Princess Vimol Devah in person—she passed away before I entered the Grand Palace.
But from her portraits, her face appears tender and exquisitely gentle.”
She continued:
“The youngest princess was sharper-featured.
Thun Kramom Kaeo was less indulgent with her than with the middle princess.
It was said that the youngest princess was outspoken.
If Thun Kramom Kaeo was speaking or performing a task she did not wish the King to know yet, the moment the youngest princess entered, she would immediately stop—afraid that the girl would repeat it to His Majesty.”
By contrast:
“Thun Kramom Kaeo deeply cherished the middle princess.
It was said that during pregnancy she even ground and applied medicines herself.
After the child was born, she raised her with her own hands.
Senior court ladies used to joke that anyone seeking favour needed only to carry the middle princess’s daughter—‘Somdet Ying Yai’—to catch Thun Kramom Kaeo’s eye, and she would be delighted at once.”
For Chao Chom Sadap, the two princesses embodied different, equally remarkable forms of beauty.
Published by the Editorial Board, Silpa Wattanatham Magazine
21 August 2024
Read the full original article here: https://www.silpa-mag.com/history/article_137680
#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand