เจ้าจอมมารดาโหมด พระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
เจ้าจอมมารดาโหมด
คอลเลกชันภาพที่ได้รับการบูรณะและสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI ชุดนี้ คือรูปของ เจ้าจอมมารดาโหมด ผู้เป็นพระสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
เจ้าจอมมารดาโหมด ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็นบุตรีคนที่ ๖ ของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) ที่เกิดแต่ท่านผู้หญิงสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (อิ่ม) และยังเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดากับเจ้าคุณพระประยูรวงศ์อีกด้วย ท่านเป็นพระมารดาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือเสด็จเตี่ย
เจ้าจอมมารดาโหมด เกิดเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๕ เป็นธิดาคนที่ ๖ ของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หรือเจ้าคุณทหาร กับท่านผู้หญิงอิ่ม และเป็นน้องสาวร่วมบิดามารดาของเจ้าคุณจอมมารดาแพ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตรัสขอมาเป็นสะใภ้หลวง พระราชทานสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ยังเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ นับเป็นพระสนมเอกผู้ใหญ่ ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยกย่องเป็นหัวหน้าพระสนมทั้งปวง ต่อมาถึงรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาเกียรติยศ ขึ้นเป็นเจ้าคุณชั้นพิเศษ โปรดเกล้าฯ ให้ออกนามว่า “เจ้าคุณพระประยูรวงศ์”
โดยฝากฝังกับผู้ที่คุ้นเคยให้ช่วยถวายตัวเป็นข้าหลวงของเจ้านายพระบรมวงศ์ พระมเหสี หรือเจ้าจอมชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งจะแยกเป็นสังกัดกันไป เช่น สํานักของ "สมเด็จที่บน" หรือสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ สํานักของพระบรมราชินี "สำนักพระตำหนัก" หรือสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี" สำนักพระนางเจ้าพระราชเทวี" ของพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีพระราชเทวี เป็นต้น เพื่อฝึกฝนขนบธรรมเนียม กิริยามารยาท และวิชาการชั้นสูงสําหรับกุลสตรีจากในวัง และหากมีโอกาส ก็จะได้ถวายตัวรับราชการเป็นข้าหลวงพนักงานหรืออาจจะได้รับการโปรดเกล้าฯ รับไว้เป็นเข้าบาทบริจาริกา ตั้งแต่แรกเข้าวัง
เจ้าจอมมารดาโหมดก็อยู่ในความดูแลของท่านเจ้าคุณ พระประยูรวงศ์ หรือสํานัก "คุณจอมแพ" หรือ "ท่านที่ตําหนัก" ซึ่งภายในสํานักของ ท่านจะมีสตรีจากสายสกุลบุนนาคท่านอื่นๆ พำนักอยู่ด้วย เช่น เจ้าจอมมารดาอ่อน เจ้าจอมเอี่ยม เจ้าจอมเอิบ เจ้าจอมอาบ เจ้าจอมเอื้อน เป็นต้น ต่อมาภายหลัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท่านเป็นเจ้าจอม และได้ประสูติ พระโอรส พระธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ๓ พระองค์
๑. พระองค์เจ้าชายอาภากรเกียรติวงศ์ ประสูติ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๓ ต่อมาทรงเป็นพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ต้นราชสกุล "อาภากร"
๒. พระองค์เจ้าหญิงอรองค์อรรคยุพา ประสูติเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๔ และสิ้นพระชนม์ตังแต่ยังทรงพระเยาว์
๓. พระองค์เจ้าชายสุริยงประยูรพันธุ์ ประสูติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๒๗ ต่อมาทรงเป็นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธุ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส ต้นราชสกุล "สุริยง"
ทั้งสามพระองค์ได้รับพระราชทานพระนามตามราชทินนามในสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งหมายถึงดวงอาทิตย์และมีศักดิ์เป็นตาทวดของทุกพระองค์
เจ้าจอมมารดาโหมด พำนักในพระบรมมหาราชวังมาตลอดในรัชกาลที่ ๕ เมื่อสิ้นรัชกาลแล้ว จึงได้กราบบังคมทูลลาออกมาพำนักกับพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ (กรมหลวงชุมพรเขตอดุมศักดิ์) ณ วังนางเลิ้งตลอดมา มีความสุขอยู่กับการเลี้ยงดูพระราชนัดดา ในราชสกุล "อาภากร" และ "สุริยง" จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรม เมื่อ ณ วันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ รวมอายุ ๗๐ ปี
เจ้าจอมมารดา โหมด เคยได้รับพระราชทาน รางวัล เครื่องเสวย จาก ข้าวหุง (ข้าวมันหุงกะทิ) ตามที่ข้าหลวง ลมุน นุตาคม ได้ช่วยเสนอให้ท่านเจ้าจอมมารดาโหมด ได้หุงจนได้รับรางวัล เป็นเงินถึง ๕ ชั่ง หรือ ๔๐๐ บาท มีวิธีการหุงคือ นำดอกอัญชัน มาแช่กะทิ คั้นน้ำออกกรองให้ดี และนำน้ำนี้ไปใข้หุงข้าว จะได้ข้าวมันสีม่วงอ่อน ซึ่งเป็นที่พอพระราชหฤทัยรัชกาลที่๕ เป็นอย่างมาก
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ https://www.tnews.co.th/variety/373171
_____________________
Chao Chom Manda Mode
This collection of images, restored and re-imagined through advanced AI technology, presents the portrait of Chao Chom Manda Mod, a senior royal consort of King Chulalongkorn (Rama V).
Chao Chom Manda Mode (เจ้าจอมมารดาโหมด), consort of King Chulalongkorn (Rama V) (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕), was the sixth daughter of Chao Phraya Surawongwaiwat (Worn Bunnag)(เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)) and Thun Phu Ying Im (ท่านผู้หญิงอิ่ม). She was also the full younger sister of Chao Khun Phra Prayurawong (เจ้าคุณพระประยูรวงศ์). She became the mother of Prince Abhakara Kiartivongse, Prince of Chumphon (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์), widely known as “Sadet Tia” (เสด็จเตี่ย).
Chao Chom Manda Mode was born on 16 January 1862 (๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๐๕) as the sixth daughter of Chao Phraya Surawongwaiwat (Worn Bunnag), also known as “Chao Khun Thahan” (เจ้าคุณทหาร), and Thun Phu Ying Im. She was the full younger sister of Chao Chom Manda Pae (เจ้าคุณจอมมารดาแพ), whom King Mongkut (Rama IV)(พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) requested as a royal daughter-in-law and bestowed upon the then–Prince Chulalongkorn (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์). Chao Chom Manda Pae became the principal senior consort who was respected as the head of all royal consorts.
During the reign of King Vajiravudh (Rama VI) (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว), her rank was elevated to “Chao Khun Phra Prayurawong” (เจ้าคุณพระประยูรวงศ์), a special class of royal consort by royal command.
Entering the Royal Court
Young noblewomen entering palace service would be placed under the care of trusted senior ladies-in-waiting in different royal households—for example:
the household of Queen Saovabha Phongsri (สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ)
the household of Queen Savang Vadhana (สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี)
the household of Queen Sukumala Marasri (พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี)
They were trained in court etiquette, refined manners, and the elevated accomplishments expected of noblewomen. Some might later enter royal service as ladies-in-waiting, and a select few could, by royal favour, be taken into the inner court as royal consorts.
Chao Chom Manda Mode was placed under the supervision of Chao Khun Phra Prayurawong (her elder sister), whose residence—known in the palace as “Khun Chom Pae’s House” (คุณจอมแพ)—also housed other ladies of the Bunnag lineage, such as Chao Chom Manda On, Chao Chom Iam, Chao Chom Eop, Chao Chom Arb, and Chao Chom Euan.
In time, she was granted the title Chao Chom and later became Chao Chom Manda Mode, bearing three royal children of King Chulalongkorn.
Her Children
1. Prince Abhakara Kiartivongse
(พระองค์เจ้าชายอาภากรเกียรติวงศ์)
Born 19 December 1880 (๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๓)
Later elevated as:
Admiral Prince Abhakara Kiartivongse, Prince of Chumphon
(พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์)
Founder of the Abhakara family (ราชสกุล “อาภากร”)
2. Princess Oraongka Akrayupa
(พระองค์เจ้าหญิงอรองค์อรรคยุพา)
Born 27 October 1881 (๒๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๔)
Passed away in early childhood.
3. Prince Suriya Narueman
(พระองค์เจ้าชายสุริยงประยูรพันธุ์)
Born 29 July 1884 (๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๒๗)
Later elevated as:
Prince Suriya Narueman, Prince Chaiyasirisuriyapas
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยูรพันธุ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส)
Founder of the Suriyong family (ราชสกุล “สุริยง”)
All three royal children were named after titles associated with Somdet Chao Phraya Borom Maha Si Suriyawong (Chuang Bunnag) (สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)), their great-great-grandfather, whose name relates to the sun—hence the solar imagery in all three names.
Later Life
Chao Chom Manda Mode lived in the Grand Palace throughout the reign of King Chulalongkorn. After his passing, she respectfully requested permission to move out and resided with her eldest son, Prince of Chumphon, at Wang Nang Loeng (วังนางเลิ้ง).
She spent the remainder of her life surrounded by her grandchildren from the Abhakara and Suriyong families.
She passed away on 30 October 1932 (๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๕), aged 70.
The Purple Coconut-Milk Rice Award
Chao Chom Manda Mode once received a royal award from King Chulalongkorn for her exceptional preparation of coconut-milk rice (ข้าวมันหุงกะทิ), thanks to the recommendation of Lamun Nutthakom (ลมุน นุตาคม), a palace lady-in-waiting.
Her notable method involved:
soaking butterfly pea flowers (ดอกอัญชัน) in coconut milk
straining carefully to obtain a clear, fragrant blue-purple liquid
using this liquid to cook the rice
The resulting light purple coconut rice greatly pleased King Chulalongkorn, earning her a reward of 5 chang (๕ ชั่ง), equivalent to 400 baht at the time.
#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashion #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand #UNESCO