เจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าหลวงเมืองลำพูน องค์ที่ ๙ แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี และหลานเจ้าดรุณดารา ณ ลำพูน
เจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าหลวงเมืองลำพูน องค์ที่ ๙ แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี และหลานเจ้าดรุณดารา ณ ลำพูน
พระรูปที่ได้รับการบูรณะและสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี AI นี้ เป็นพระรูปของ เจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าหลวงเมืองลำพูน องค์ที่ ๙ แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี และหลานเจ้าดรุณดารา ณ ลำพูน ผมได้สร้างสรรค์เหิ่มต่อให้ผ้าที่อยู่หลักฉากเป็นผ้าลายอย่างลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งเป็นลายที่นิยมกันในราชสำนักสยาม เพื่อให้เข้ากับบริบทของยุคสมัยในสมัยรัชกาลที่ ๕
“เจ้าอินทยงยศโชติ" เจ้าหลวงลำพูน องค์ที่ ๙ ผู้มีบทบาทในการสร้างถนน เจ้าอินทยงยศโชติ หรือ เจ้าน้อยหมวก ณ ลำพูน เป็นราชบุตรของเจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์กับแม่เจ้าปิมปา เจ้าหลวงเมืองลำพูนองค์ที่ ๗ ในวัยหนุ่มเจ้าน้อยหมวกรับราชการช่วยพระบิดาอย่างใกล้ชิด ทรงปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความขยันขันแข็ง รวมทั้งมีความมานะพยายาม
เจ้าน้อยหมวกได้รับพระราชทานเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ตามลำดับ จนกระทั่งได้เป็นเจ้าราชวงศ์ในสมัยเจ้าหลวงเหมพินธ์ไพจิตร ซึ่งเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๘ ต่อจากพระราชบิดา หากจะนับตามศักดิ์แล้วเจ้าหลวงเหมพินธุ์ไพจิตร มีศักดิ์เป็นเจ้าอาคือ เป็นอนุชาต่างมารดาของเจ้าพ่อดาราดิเรกรัตน์ ภายหลังเมื่อเจ้าพ่อถึงแก่พิราลัยแล้ว เจ้าน้อยหมวก ก็ได้เข้ารับราชการร่วมกับเจ้าเหมพินธ์ไพจิตร ต่อมาอีก ๗ ปี (พ.ศ.๒๔๓๑-๒๔๓๘) เจ้าหลวงเหมพินธ์ไพจิตรก็ถึงแก่พิราลัย เจ้าน้อยหมวกจึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์จากเจ้าราชวงศ์ขึ้นเป็น เจ้าอินทยงยศโชติ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ ๙ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๘ ซึ่งตรงกับสมัยของพระเจ้าอินทวิชชายานนท์ (เจ้าอินทนนท์) เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
เจ้าอินทยงยศโชติ แต่เดิมเป็นพระไชยสงครามแล้วเลื่อนตำแหน่งมาเป็นเจ้าราชวงศ์ และครั้งสุดท้ายได้รับพระสุพรรณบัตร เป็นเจ้าอินทยงยศโชติ และได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ให้เป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์ที่ ๙ ใน พ.ศ.๒๔๓๘
เจ้าอินทยงยศโชติ เป็นเจ้าหลวงลำพูนที่นับได้ว่ามีบุญญาธิการมากพระองค์หนึ่ง เนื่องจากท่านทรงมีราชบุตรที่มีความสามารถในการพัฒนาบ้านเมืองแทนพระองค์ท่าน คือ เจ้าน้อยจักรคำ ซึ่งต่อมาได้เลื่อนเป็นพระยาวังขวา เป็นเจ้าบุรีรัตน์และเลื่อนเป็นพลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ ๑๐ ในเวลาต่อมา
เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์กบฏเงี้ยวปล้นเมืองลำปาง เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ก็ได้เป็นหัวแรงสำคัญในการป้องกันเมืองลำพูน โดยท่านพร้อมกับเจ้าราชวงศ์ไชยเทพ (บุญเป็ง) ต่อมาเป็นต้นตระกูล ธนันชยานนท์ ได้ช่วยกันปราบปรามพวกกบฏเงี้ยวโดยได้อาสารับรองต่อเจ้าอินทยงยศโชติ ไม่ให้มีความตระหนกตกใจต่อข่าวการจลาจลของเงี้ยว
นอกจากนั้นแล้วในสมัยที่เจ้าอินทยงยศโชติ เป็นเจ้าหลวงลำพูน นับได้ว่าเป็นยุคของการพัฒนาชุมชนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการตัดถนนจากเมืองลำพูนไปเชียงใหม่ และจากเมืองลำพูนไปเวียงป่าซาง รวมทั้งการทำเหมืองฝายขึ้นอีกมากมาย จากหลักฐานแผนที่ซึ่งเขียนโดยกระทรวงมหาดไทย ระหว่าง ปี พ.ศ.๒๔๔๐-๒๔๕๐ ในสมัยของเจ้าหลวงอินทยงยศโชตินั้น แสดงให้เห็นถึงการตัดถนนสายสำคัญ ๆ ในเมืองลำพูน
เจ้าอินทยงยศโชติ ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ.๒๔๕๔ จากนั้นราชบุตรของท่านคือ พลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ (ในขณะนั้นเป็นเจ้าบุรีรัตน์นครลำพูน) ได้ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครลำพูนแทน นับเป็นเจ้าหลวงลำพูน องค์ที่ ๑๐ ในปี พ.ศ.๒๔๖๙ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ดำเนินนโยบายยกเลิกตำแหน่งเจ้าหลวง หากเจ้าหลวงเมืองใดว่างลงจะไม่โปรดเกล้าฯแต่งตั้งขึ้นอีก ดังนั้นเจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูนก็คือ พลตรีมหาอำมาตย์โทเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ปัจจุบันแม้ว่าจะมีการยกเลิกตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครไปแล้ว หากแต่ผู้สืบสกุล “ณ เชียงใหม่, ณ ลำพูน, ณ ลำปาง” ทุกคนก็ยังคงดำรงสถานะความเป็น “เจ้า” โดยกำเนิดต่อไป
ภาพ เจ้าหลวงอินทยงยศโชติ กับ แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี ฉายพระรูป ร่วมกับหลานเจ้าดรุณดารา ณ ลำพูน ซึ่งเป็นโอรสในเจ้าหญิงมุกดา ณ ลำพูน - สมรสกับ เจ้าราชภาคินัย น้อยเมืองไทย
นามท่านได้ย่อมาเป็นชื่อที่ระลึกของ ถนนอินทยงยศ (ไม่มีโชติ) ผ่ากลางเวียง จากประตูลี้ พิพิธภัณฑ์ลำพูน หลังวัดพระธาตุ ไปจนศาลากลาง และ ประตูช้างสี
ขอขอบพระคุณภาพ / ข้อมูล
Credit: Chiang Mai News.
Credit: จักรพงษ์ คำบุญเรือง
Chao Intayongyot Chot [เจ้าอินทยงยศโชติ], the 9th Ruler of Lamphun, Mae Chao Mom Rajawong Rotkaew Ratchathewi [แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี], and their grandchild Chao Darundara Na Lamphun [เจ้าดรุณดารา ณ ลำพูน]
This portrait, restored and re-imagined with AI technology, depicts Chao Intayongyot Chot [เจ้าอินทยงยศโชติ], the 9th Ruler of Lamphun, alongside Mae Chao Mom Rajawong Rotkaew Ratchathewi [แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี] and their grandchild Chao Darundara Na Lamphun [เจ้าดรุณดารา ณ ลำพูน]. I further created the background textile as a “lai phum khao bin” [ลายพุ่มข้าวบิณฑ์] motif, a design popular in the Siamese royal court, to harmonise with the context of the era during the reign of King Chulalongkorn (Rama V) [พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕].
Chao Intayongyot Chot [เจ้าอินทยงยศโชติ], or “Chao Noi Muak [เจ้าน้อยหมวก] Na Lamphun,” played a significant role in the development of Lamphun, particularly in road construction. He was the son of Chao Daradirekratnapirot [เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์] and Mae Chao Pimpa [แม่เจ้าปิมปา], the 7th Ruler of Lamphun. As a young man, Chao Noi Muak [เจ้าน้อยหมวก] diligently assisted his father in government affairs with great effort and determination.
He gradually rose through the ranks until he became Chao Rajawong [เจ้าราชวงศ์] during the reign of Chao Hema Phin Phichit [เจ้าเหมพินธ์ไพจิตร], the 8th Ruler of Lamphun, who was his uncle (a half-brother of his father). After the death of his father, Chao Daradirekratnapirot [เจ้าดาราดิเรกรัตนไพโรจน์], he continued serving under Chao Hema Phin Phichit [เจ้าเหมพินธ์ไพจิตร]. Seven years later (A.D. 1888 / B.E. 2431–2438), upon the latter’s death, Chao Noi Muak [เจ้าน้อยหมวก] was elevated from Chao Rajawong [เจ้าราชวงศ์] to Chao Intayongyot Chot [เจ้าอินทยงยศโชติ], the 9th Ruler of Lamphun, by royal command of King Chulalongkorn (Rama V) [พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕] in 1895 (B.E. 2438), after holding the title Phra Chai Songkhram [พระไชยสงคราม].
He was regarded as one of Lamphun’s most meritorious rulers, particularly as his son Chao Chakkham [เจ้าจักรคำ] later became Phra Ya Wang Khwa [พระยาวังขวา], then Chao Burirat [เจ้าบุรีรัตน์], and eventually Major General Chao Chakkham Khajornsak [พลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์], the 10th and last Ruler of Lamphun.
During the Shan (Ngiao) Rebellion in Lampang, Chao Chakkham Khajornsak [เจ้าจักรคำขจรศักดิ์], together with Chao Rajawong Chai Thep (Bunpieng) [เจ้าราชวงศ์ไชยเทพ (บุญเป็ง)]—founder of the Thananchayanon [ธนันชยานนท์] lineage—helped defend Lamphun and reassured Chao Intayongyot Chot [เจ้าอินทยงยศโชติ] amidst the unrest.
His reign was marked by major community development, notably the construction of roads from Lamphun to Chiang Mai and from Lamphun to Wiang Pa Sang, as well as numerous irrigation weirs. Maps produced by the Ministry of Interior [กระทรวงมหาดไทย] between 1897–1907 (B.E. 2440–2450) confirm these developments.
Chao Intayongyot Chot [เจ้าอินทยงยศโชติ] passed away in 1911 (B.E. 2454). His son, Major General Chao Chakkham Khajornsak [พลตรีเจ้าจักรคำขจรศักดิ์], then Chao Burirat [เจ้าบุรีรัตน์], succeeded him as the 10th Ruler of Lamphun. However, by 1926 (B.E. 2469), during the reign of King Prajadhipok (Rama VII) [พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗], the government abolished the position of local rulers, making Chao Chakkham Khajornsak [เจ้าจักรคำขจรศักดิ์] the last ruler of Lamphun. Nevertheless, descendants of the noble families “Na Chiang Mai [ณ เชียงใหม่], Na Lamphun [ณ ลำพูน], and Na Lampang [ณ ลำปาง]” continue to preserve their heritage as “Chao [เจ้า].”
This portrait shows Chao Intayongyot Chot [เจ้าอินทยงยศโชติ] with Mae Chao Mom Rajawong Rotkaew Ratchathewi [แม่เจ้าหม่อมราชวงศ์รถแก้วราชเทวี] and their grandchild Chao Darundara Na Lamphun [เจ้าดรุณดารา ณ ลำพูน], son of Chao Ying Mukda Na Lamphun [เจ้าหญิงมุกดา ณ ลำพูน] and her husband Chao Rajaphakinnai Noi Muang Thai [เจ้าราชภาคินัย น้อยเมืองไทย].
His name was memorialised in the naming of Intayongyot Road [ถนนอินทยงยศ] (without “Chot”), which runs through the old city from Pratu Li Gate [ประตูลี้] near the Lamphun Museum [พิพิธภัณฑ์ลำพูน], past Wat Phra That Hariphunchai [วัดพระธาตุหริภุญชัย], to the City Hall [ศาลากลาง] and Chang Si Gate [ประตูช้างสี].
Acknowledgements
Credit: Chiang Mai News
Credit: Chakrapong Khambunruang [จักรพงษ์ คำบุญเรือง]
#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand


