เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ พร้อมทั้งพระเจ้าลูกเธอทั้งสามพระองค์

เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ พร้อมทั้งพระเจ้าลูกเธอทั้งสามพระองค์

คอลเลกชันภาพที่ได้รับการบูรณะและสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI ชุดนี้ คือพระรูปของ เจ้าคุณพระประยูรวงศ์พร้อมทั้งพระเจ้าลูกเธอทั้งสามพระองค์ ซึ่งมีพระนามที่คล้องจองกัน ได้แก่ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ (กรมขุนสุพรรณภาควดี), พระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลยพรรณ และ พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาษ ในแฟชั่นสมัยรัชกาลที่ ๕ ตอนกลาง ประมาณพุทธศักราช ๒๔๒๐–๓๐ (ค.ศ. 1880s)

พระรูปจาก ซ้ายไปขวา พระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลยพรรณ, พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ (กรมขุนสุพรรณภาควดี), เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ และ พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาษ

เราจะเห็นได้ว่า ทุกพระองค์ทรงสไบแพรจีบแบบพับครึ่งให้แคบลง พร้อมกับเสื้อลูกไม้ที่ประดับไปด้วยโบทั้งตัว และนุ่งโจงกระเบน ซึ่งเป็นสไตล์การแต่งตัวที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ ตอนกลาง หรือสมัย Belle Epoque ก่อนที่จะวิวัฒนาการต่อมาเป็น “แพรสะพาย” และ “แพรปัก” ในช่วงปลายรัชสมัย

สิ่งที่โดดเด่นในพระรูปเหล่านี้คือ เข็มกลัดเพชรและอัญมณีลวดลายพฤกษาและดอกไม้ ที่ประดับอยู่บนผ้าสไบแพรจีบ ซึ่งช่วยขับเน้นความงามให้แก่ทั้งเครื่องประดับและเครื่องแต่งกายอย่างกลมกลืน สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมอันประณีตละเมียดละไมของแฟชั่นราชสำนักสยามในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ ๑๙ — ยุคแห่งการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบตะวันตกและเอกลักษณ์ของความงามแบบสยามอย่างลงตัว

๑. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดี

เป็นพระราชธิดาพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ประสูติแต่เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ และเป็นเหลนของ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในรัชกาลที่ ๕ พระองค์ประสูติเมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีมะโรง สัมฤทธิศก จ.ศ. ๑๒๓๐ ตรงกับวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๑๑ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตรัสเรียกพระองค์ว่า "เจ้าหนู" พระเจ้าน้องทั้งหลายทรงเรียกว่า "พี่หนู" และชาววังเรียกว่า "เสด็จพระองค์ใหญ่"

ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ทรงเป็นที่โปรดปรานและไว้วางพระราชหฤทัยของพระราชบิดาเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับทรงรับสั่งเรียกพระองค์ว่าเป็น “ลูกคู่ทุกข์คู่ยาก” อันเป็นคำที่สะท้อนถึงความผูกพันแน่นแฟ้นระหว่างพระบิดากับพระราชธิดาในช่วงเวลาที่ยากลำบากของการเปลี่ยนแปลงประเทศ พระองค์ทรงเติบโตขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง ท่ามกลางขนบธรรมเนียมอันเคร่งครัดของฝ่ายใน แต่ก็ได้รับการอบรมให้ทรงมีความรู้ ความเข้าใจในกิจการบ้านเมืองและหน้าที่ของสตรีชั้นสูงในราชสำนัก

ด้วยความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระราชบิดา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ทรงได้รับมอบหมายให้ดูแลพระขนิษฐาที่ยังทรงพระเยาว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงได้รับพระราชทานเกียรติให้เป็นผู้ “สั่งพระขนิษฐาให้เป็นสาว” ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญตามขนบธรรมเนียมฝ่ายในของราชสำนักสยาม การที่สตรีฝ่ายในจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่วัยสาวได้นั้น ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ใหญ่ผู้ทรงเกียรติในราชสำนักก่อน ซึ่งการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมอบหมายหน้าที่นี้ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี จึงแสดงถึงความไว้วางพระราชหฤทัยอย่างสูงสุด

พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ลงเมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ สิริพระชันษา ๓๖ ปี การพระศพดำเนินไปตามโบราณราชประเพณี โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระภูษานวล เพื่อทรงแสดงออกถึงความอาลัยในพระราชธิดาพระองค์นี้ เช่นครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ ก็เคยทรงพระภูษาขาว ในงานพระศพเจ้าฟ้ากรมขุนศรีสุนทรเทพ พระเจ้าลูกเธอที่ทรงรักยิ่ง ถึงกับมีพระราชดำรัสว่า “ลูกคนนี้รักมากต้องนุ่งขาวให้”

๒. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลยพรรณ

ประสูติ วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๑๖ พระราชธิดาพระองค์ที่ ๑๐ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าคุณพระประยูรวงศ์

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเรียกพระองค์ว่า "พี่กลาง"

พระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลยพรรณ สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ ๗ ณ ตำหนักในสวนสุนันทา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ สิริพระชันษา ๕๗ ปี

พระราชทานเพลิงพระศพ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๖ ณ พระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

๓. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาษ

ประสูติ วันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๑๘ เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ ๑๗ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาษ ชาววังออกพระนามว่า “เสด็จองค์เล็ก”

พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๓๔ ขณะพระชันษา ๑๕ ปี พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

_______________________

Chao Khun Phra Prayurawongse (เจ้าคุณพระประยูรวงศ์) together with her three daughters

This AI-restored and creatively re-imagined collection presents the portrait of Chao Khun Phra Prayurawongse (เจ้าคุณพระประยูรวงศ์) together with her three daughters, whose names were intentionally composed in harmonious rhyme:

  • Princess Sriwilailak (พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์), later Krom Khun Suphanphakawadi (กรมขุนสุพรรณภาควดี),

  • Princess Suwapakwilaiyaphan (พระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลยพรรณ), and

  • Princess Bandharawanwaropas (พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาษ).

The portraits depict mid–Reign of King Chulalongkorn (Rama V) fashion, dating to around the 1880s (BE 2420–2430).

From left to right in the portrait:
Princess Suwapakwilaiyaphan (พระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลยพรรณ) –
Princess Sriwilailak / Krom Khun Suphanphakawadi (พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ / กรมขุนสุพรรณภาควดี) –
Chao Khun Phra Prayurawongse (เจ้าคุณพระประยูรวงศ์) –
Princess Bandharawanwaropas (พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาษ).

All four figures wear the characteristic court fashion of the period: a pleated silk sabai (สไบแพรจีบ) folded in half for a narrower drape, lace blouses decorated with bows, and jongkraben (โจงกระเบน). This ensemble was highly fashionable during the mid-Rama V era, sometimes referred to as the Belle Époque of Siam, before evolving into the elongated “sabai-sapai (แพรสะพาย)” and embroidered “paired sabai (แพรปัก)” styles of the late reign.

A particularly striking detail in these portraits is the array of diamond and gemstone floral brooches adorning the sabai—jewellery that enhances both the textures of the cloth and the overall elegance of the attire. These features reflect the refined aesthetic of the Siamese court in the late nineteenth century, where Western influences were gracefully fused with traditional Siamese beauty.

1. Her Royal Highness Princess Sriwilailak Sunthonsakkalayawadi (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี)
Krom Khun Suphanphakawadi (กรมขุนสุพรรณภาควดี)

Princess Sriwilailak was the first daughter of King Chulalongkorn (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) born to Chao Khun Phra Prayurawongse (เจ้าคุณพระประยูรวงศ์). She was also a great-granddaughter of Somdet Chao Phraya Borom Maha Si Suriyawongse (สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ – ช่วง บุนนาค), the Regent during the early Fifth Reign.

She was born on 24 July 1868 (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2411).

King Chulalongkorn affectionately called her “Chao Nu” (เจ้าหนู); her younger siblings addressed her as “Phi Nu” (พี่หนู); and palace attendants referred to her as “Sedet Ong Yai” (เสด็จพระองค์ใหญ่).

She was deeply trusted by her father, who once described her as “the child who shares every hardship with me”, a testament to their close bond during Siam’s period of intense modernisation.

Raised within the Grand Palace under the strict decorum of the inner court, she nevertheless received education and training appropriate for a high-ranking lady—knowledge of court protocol, cultural refinement, and the responsibilities of royal women.

Because of the King’s great confidence in her, Princess Sriwilailak was entrusted with overseeing her younger sisters. Most notably, she was granted the significant honour of “instructing the princesses into womanhood” (สั่งพระขนิษฐาให้เป็นสาว)—a solemn rite governed by strict palace custom. That the King assigned this duty to her demonstrates the very high regard in which she was held.

Princess Sriwilailak passed away on 26 October 1904 (26 ตุลาคม พ.ศ. 2447) at the age of 36.
King Chulalongkorn wore pale royal mourning robes (พระภูษานวล) for her funeral—a gesture reserved only for those most cherished, echoing earlier royal traditions in the Rattanakosin era.

2. Her Royal Highness Princess Suwapakwilaiyaphan (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลยพรรณ)

Princess Suwapakwilaiyaphan was born on 2 May 1873 (2 พฤษภาคม พ.ศ. 2416), the tenth daughter of King Chulalongkorn and Chao Khun Phra Prayurawongse.

The first Siamese Crown Prince, Prince Maha Vajirunhis (สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร), affectionately called her “Phi Klang” (พี่กลาง).

She passed away on 30 July 1930 (30 กรกฎาคม พ.ศ. 2473) at Suan Sunandha Palace and was aged 57.
Her cremation was held on 20 March 1933 (20 มีนาคม พ.ศ. 2476) at Wat Thepsirintrawat Ratchaworawihan.

3. Her Royal Highness Princess Bandharawanwaropas (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบัณฑรวรรณวโรภาษ)

Princess Bandharawanwaropas was born on 25 May 1875 (25 พฤษภาคม พ.ศ. 2418), the seventeenth daughter of King Chulalongkorn and Chao Khun Phra Prayurawongse. Palace attendants addressed her endearingly as “Sedet Ong Lek” (เสด็จองค์เล็ก).

She passed away on 15 May 1891 (15 พฤษภาคม พ.ศ. 2434) at the age of 15, and her cremation took place at Wat Thepsirintrawat Ratchaworawihan.

#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashion #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand #UNESCO

Previous
Previous

ศัพท์ “พระพันวัสสา” ในพระนาม “สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า” มีความหมายว่าอย่างไร?

Next
Next

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดี