หม่อมหลวงบัว กิติยากร
หม่อมหลวงบัว กิติยากร
หม่อมหลวงบัว กิติยากร (ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์; ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ − ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒)
หรือชื่อในการแสดงว่า ประทุม ชิดเชื้อ เป็นธิดาของเจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) กับท้าววนิดาพิจาริณี (บาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) เป็นหม่อมในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ และเป็นพระชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชีวิตช่วงต้น
หม่อมหลวงบัว กิติยากร มีนามเดิมว่า หม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๒ เป็นธิดาของพลเอก เจ้าพระยาวงานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) กับท้าววนิดาพิจาริณี (บาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) มีพี่น้องร่วมบิดามารดาได้แก่ พลโท หม่อมหลวงจินดา สนิทวงศ์ และท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค ทั้งยังมีพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดาอีก ๑๒ คน
หม่อมหลวงบัวเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนสายปัญญา และโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ภายหลังได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เข้าถวายงาน เป็นนางพระกำนัลในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๑
ในปีนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างภาพยนตร์เงียบขาวดำชื่อ แหวนวิเศษ และทรงให้หม่อมหลวงบัวรับบทเป็น “นางพรายน้ำ” นางเอกของเรื่อง หม่อมหลวงบัวเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๙ ความว่า
“ขณะที่แสดงเรื่องนี้อายุประมาณ ๑๗–๑๘ ปี ดำน้ำแต่ละครั้งไม่นาน แต่ดำหลายครั้งกว่าจะถ่ายเสร็จ”
ครอบครัวและการสมรส
หม่อมหลวงบัวสมรสกับนายพันตรี หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร (ต่อมาคือ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ) ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานน้ำพระมหาสังข์สำหรับพิธีเสกสมรสเมื่อเวลา ๑๗.๐๐ น. ของวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๑ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงเจิมและพระราชทานเงินรับไหว้แก่เจ้าบ่าว ๑๐ ชั่ง เจ้าสาว ๕ ชั่ง จากนั้นให้คู่สมรสลงนามในสมุดทะเบียนเฉพาะพระพักตร์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธย พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี แล้วโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านายและข้าราชการลงพระนามและลงนามเป็นพยาน
หม่อมหลวงบัวและพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ มีพระโอรส–พระธิดา หนึ่งพระองค์กับสามคนดังนี้
๑. หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร (๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒ − ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๐) สมรสกับท่านผู้หญิงอรุณ กิติยากร ณ อยุธยา (สกุลเดิม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) มีบุตรธิดาสองคน
๒. หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร (๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๓ − ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๗) สมรสกับท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร (พระนามเดิม หม่อมเจ้าพันธุ์สวลี ยุคล) มีธิดาสองคน
๓. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ − ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๘) ราชาภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชบุตรสี่พระองค์
๔. ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์ (เกิด ๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗) สมรสครั้งแรกกับหม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ สมรสครั้งที่สองกับนาวาเอก สุรยุทธ สธนพงศ์ มีธิดาจากการสมรสครั้งแรกหนึ่งคน
พิราลัย
หม่อมหลวงบัวถึงแก่พิราลัยด้วยอาการนิ่วในถุงน้ำดีเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒ ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร โดยพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้คำว่า “ถึงแก่พิราลัย” เสมอเจ้าประเทศราชและสมเด็จเจ้าพระยา พร้อมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งศพที่ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง และโปรดเกล้าฯ พระราชทานฉัตรโหมดทอง ๕ ชั้น และโกศกุดั่นน้อยประกอบเกียรติยศศพ เทียบชั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า และพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
เคยมีการคาดการณ์ว่าอาจมีการสถาปนาอัฐิหม่อมหลวงบัว กิติยากร เป็นเจ้านาย ในฐานะพระราชชนนีในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้คัดพระนามถวายไว้ล่วงหน้าว่า
“สมเด็จพระปทุมาวดี ศรีสิริกิติ์ราชมาตา”
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่หม่อมหลวงบัวถึงแก่พิราลัยจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่มีการสถาปนาแต่อย่างใด
____________________________
M.L. Bua Kitiyakara (M.L. Bua Snidvongs; หม่อมหลวงบัว กิติยากร)
(25 November 1909 – 19 September 1999)
M.L. Bua Kitiyakara (née Snidvongs; M.L. Bua Snidvongs, หม่อมหลวงบัว สนิทวงศ์), known by her stage name Prathum Chitchuea (ประทุม ชิดเชื้อ), was the daughter of Chao Phraya Wongsanupraphat (M.R. Sathan Snidvongs) (เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์)) and Thao Wanida Picharin (Bang Snidvongs Na Ayudhya) (ท้าววนิดาพิจาริณี (บาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา)).
She became a consort of Prince Nakkhatra Mangala, Prince of Chanthaburi II (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ), and was the mother of Queen Sirikit (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง), as well as the maternal grandmother of King Maha Vajiralongkorn (Rama X) (พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว).
Early Life
M.L. Bua Kitiyakara was born on 25 November 1909 to Chao Phraya Wongsanupraphat (M.R. Sathan Snidvongs)and Thao Wanida Picharin (Bang Snidvongs Na Ayudhya).
She had two full siblings — Lt. Gen. M.L. Chinda Snidvongs (พลโท หม่อมหลวงจินดา สนิทวงศ์) and Thanphuying Maneerat Bunnag (ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค) — and 12 half-siblings from her father’s other marriages.
She was educated at Saipanya School (โรงเรียนสายปัญญา) and Wattana Wittaya Academy (โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย).
In 1928, she entered royal service as a lady-in-waiting to Queen Rambhai Barni (สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี).
That same year, King Prajadhipok (Rama VII) produced a silent black-and-white film, The Magic Ring (แหวนวิเศษ), and cast M.L. Bua as the leading actress, portraying Nang Phrai Nam (นางพรายน้ำ).
She recalled in an interview on 24 June 1986:
“I was about 17 or 18 at the time. Each dive was brief, but I had to dive many times before the scene was completed.”
Marriage and Family
M.L. Bua married M.C. Nakkhatra Mangala Kitiyakara (หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร), later elevated to Prince Nakkhatra Mangala, Prince of Chanthaburi II (พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ), who was then serving as Assistant Chief of Staff of the Royal Thai Army.
King Prajadhipok granted the couple a royal wedding ceremony at 17:00 on 23 November 1928 at Amporn Sathan Residential Hall (พระที่นั่งอัมพรสถาน). The King anointed the couple, bestowed 10 chang upon the groom and 5 changupon the bride, and personally witnessed their signatures in the royal marriage register, followed by senior members of the royal family and court officials.
M.L. Bua and Prince Nakkhatra Mangala had four children:
1. M.R. Kalayanakit Kitiyakara
(20 September 1929 – 15 May 1987)
(Mom Rajawongse Kalayanakit Kitiyakara; หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร)
Married Thanphuying Arun Kitiyakara na Ayudhya (ท่านผู้หญิงอรุณ กิติยากร ณ อยุธยา). They had two children.
2. M.R. Adulakit Kitiyakara
(2 November 1930 – 5 May 2004)
(Mom Rajawongse Adulakit Kitiyakara; หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ กิติยากร)
Married Thanphuying Punsawalee Kitiyakara
(ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร; born Princess Punswadi Yukol, หม่อมเจ้าพันธุ์สวลี ยุคล).
They had two daughters.
3. Queen Sirikit of Thailand
(12 August 1933 – 24 October 2025)
(สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง)
Married King Bhumibol Adulyadej the Great (Rama IX)
(พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร).
They had four royal children.
4. Thanphuying Busba Sathornphong
(ท่านผู้หญิงบุษบา สธนพงศ์; born 2 August 1934)
Married first M.L. Thawisan Ladawan (หม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์),
then Captain Surayut Sathornphong (นาวาเอก สุรยุทธ สธนพงศ์).
She has one daughter from her first marriage.
Passing
M.L. Bua Kitiyakara passed away on 19 September 1999 at Siriraj Hospital due to complications from gallstones.
King Bhumibol Adulyadej the Great granted her the high honour of having her passing referred to as “thung kae phiralai” (ถึงแก่พิราลัย), a term reserved for princes of high rank and viceroy-equivalent dignitaries.
Her funeral was held at the Sahathai Samakhom Pavilion (ศาลาสหทัยสมาคม) in the Grand Palace. She was honoured with a five-tiered golden umbrella (ฉัตรโหมดทอง 5 ชั้น) and a Kosok Kudun Noi (โกศกุดั่นน้อย), equivalent to the honours of a Phra Ong Chao (พระองค์เจ้า).
Her royal cremation took place at the royal cremation ground beside the Isariyasathan Pavilion (เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์), Wat Thepsirin.
There was once speculation that her remains might be elevated to princely rank because she was the mother of Queen Sirikit. M.R. Kukrit Pramoj even proposed the name:
“Somdet Phra Pathumawadi Si Sirikit Ratchamata”
(สมเด็จพระปทุมาวดี ศรีสิริกิติ์ราชมาตา)
However, no such elevation has occurred to this day.
เรียนเชิญกด Subscribe ได้ที่ลิงก์นี้ครับ เพื่อร่วมติดตามงานสร้างสรรค์ต้นฉบับ งานวิจัยประวัติศาสตร์แฟชั่น และผลงานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมด้วยเทคโนโลยี AI ของ AI Fashion Lab, London ซึ่งมุ่งตีความอดีตผ่านมิติใหม่ของการบูรณะภาพ การสร้างสรรค์ภาพ และการเล่าเรื่องด้วยศิลปะเชิงดิจิทัล 🔗 https://www.facebook.com/aifashionlab/subscribe/
#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashion #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand #UNESCO