หม่อมศรีพรหมา (ณ น่าน) กฤดากร ณ อยุธยา
หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา (เจ้าศรี ณ น่าน)
หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา (เจ้าศรี ณ น่าน)
ภาพที่ได้รับการบูรณะด้วยเทคโนโลยี AI นี้ เป็นภาพของ หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา (นามเดิม เจ้าศรี ณ น่าน) ซึ่งเป็นภาพถ่ายในสมัยปลายรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลที่ ๖
ภาพแรก แสดงให้เห็นแฟชั่นที่นิยมในราชสำนักฝ่ายในของสยาม เสื้อคอลูกไม้คอสูงสไตล์แอดเวอร์เดียน (Edwardian) คาดว่าน่าจะถ่ายในช่วงปลายรัชกาลที่ ๕ ราวทศวรรษ ๒๔๕๐
ภาพที่ ๒ และ ๓ เป็นแฟชั่นแบบ Late Edwardian หรือ Early Teens Fashion สังเกตได้จากคอเสื้อที่ต่ำลงและแขนเสื้อที่สั้นขึ้นในลักษณะแขนสามส่วน คาดว่าถ่ายในช่วงต้นรัชกาลที่ ๖ ราวทศวรรษ ๒๔๖๐
ทั้งสามภาพ หม่อมศรีพรหมาทรงไว้ผม ทรงดอกกระทุ่ม ซึ่งเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ และทรงเครื่องแต่งกายแบบผสมผสาน ได้แก่ การสวมแพรสะพาย เสื้อผ้าลูกไม้แบบตะวันตก และโจงกระเบน
หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา (นามเดิม เจ้าศรี ณ น่าน, 19 มีนาคม พ.ศ. 2431 – 25 กันยายน พ.ศ. 2521 (1888-1978)) เป็นธิดาของ พระเจ้าสุริยะพงศ์ผริตเดช เจ้าประเทศราชผู้ครองนครน่าน กับหม่อมศรีคำ ชาวเวียงจันทน์ เป็นหม่อมเอกของ หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร และมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกิจการด้านเกษตรกรรมและงานเขียน โดยเฉพาะการร่วมจัดทำวารสาร “กสิกร” ซึ่งเปิดพื้นที่ให้ผู้รู้และนักวิชาการเขียนบทความทางการเกษตร อีกทั้งยังมีคอลัมน์ด้านการทำอาหารและการถนอมอาหารที่หม่อมศรีพรหมาเขียนด้วยตัวเอง เช่น วิธีคั้นน้ำผลไม้ การดองและหมักอาหาร รวมถึงการผลิตแฮมและเบคอน ซึ่งนับเป็นการริเริ่มในประเทศไทยสมัยที่ยังไม่มีตู้เย็น
ชีวิตในวัยเยาว์
เจ้าศรีประสูติเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2431 เป็นธิดาองค์เล็กสุด มีพี่น้องร่วมมารดาห้าองค์ เป็นชายสามและหญิงสอง โดยฝ่ายหญิงได้แก่ เจ้าบัวแก้ว ณ น่าน และเจ้าศรีพรหมา ณ น่าน เมื่อมีพระชนมายุราวสามปีเศษ พระยามหิบาลบริรักษ์ (สวัสดิ์ ภูมิรักษ์) และภริยา คุณหญิงอุ๊น ได้ทูลขอไปเป็นธิดาบุญธรรม และนำเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อเล่าเรียนที่โรงเรียนสุนันทาลัยและโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (ต่อมาเป็นวัฒนาวิทยาลัย)
ในปี พ.ศ. 2442 พระยามหิบาลฯ ต้องเดินทางไปรับราชการที่รัสเซีย จึงถวายตัวเจ้าศรีพรหมาไว้ในพระอุปการะของ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ พระองค์ทรงใช้ชีวิตและศึกษาเล่าเรียนอยู่ในพระบรมมหาราชวังเป็นเวลาสามปี ต่อจากนั้นได้ติดตามครอบครัวบุญธรรมไปพำนักที่รัสเซียและอังกฤษ ก่อนจะกลับเข้ามารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ในตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์ อีกทั้งยังปฏิบัติหน้าที่เป็นล่ามภาษาอังกฤษเมื่อต้องติดต่อกับชาวต่างประเทศ
ชีวิตสมรสและการทำเกษตร
ในรัชกาลที่ 6 ได้มีพระบรมราชโองการเปลี่ยนพระนามจาก “เจ้าศรี” เป็น “เจ้าศรีพรหมา” และในปี พ.ศ. 2459 ได้โปรดเกล้าฯ ให้สมรสกับหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร หลังอภิเษกจึงได้รับนามว่า “หม่อมศรีพรหมา” และมีบุตรธิดาสองคนคือ หม่อมราชวงศ์อนุพร และ หม่อมราชวงศ์เพ็ญศรี
หม่อมเจ้าสิทธิพรลาออกจากราชการ หันมาทำเกษตรกรรมที่บางเบิด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยใช้ที่ดินมรดกจากพระยามหิบาลฯ ทั้งสองได้บุกเบิกการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์อย่างเป็นระบบ ถือเป็นต้นแบบฟาร์มเกษตรสมัยใหม่แห่งแรก ๆ ของไทย และประสบความสำเร็จอย่างสูง จนหม่อมเจ้าสิทธิพรได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่ของไทย”
งานเขียนและนวัตกรรม
นอกจากงานเกษตรแล้ว ทั้งสองยังได้จัดพิมพ์วารสาร “กสิกร” ที่รวมบทความวิชาการด้านการเกษตรจากผู้เชี่ยวชาญหลายแขนง หม่อมศรีพรหมาเองได้เขียนบทความเกี่ยวกับการทำอาหารและการถนอมอาหาร โดยเฉพาะการผลิตแฮมและเบคอน ซึ่งนับเป็นคนไทยคนแรกที่ทำสำเร็จในประเทศ
บทบาทในเหตุการณ์บ้านเมือง
พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมเจ้าสิทธิพรกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมตรวจกสิกรรม ต่อมาเมื่อเกิดกบฏบวรเดช หม่อมเจ้าสิทธิพรมีส่วนเกี่ยวข้องและถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตที่เกาะตะรุเตาและเกาะเต่า แม้ภายหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษเหลือโทษจริง 11 ปี แต่ช่วงเวลาดังกล่าวหม่อมศรีพรหมาต้องแบกรับภาระเลี้ยงดูครอบครัว ดูแลกิจการเกษตร และส่งอาหารยาตามไปยังเรือนจำ
ภายหลังจากพ้นโทษ หม่อมเจ้าสิทธิพรได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรในรัฐบาลนายควง อภัยวงศ์ ถึงสองสมัย หม่อมศรีพรหมาจึงได้กลับมาใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ จนเมื่อหม่อมเจ้าสิทธิพรสิ้นชีพิตักษัยใน พ.ศ. 2514 หลังจากนั้น หม่อมศรีพรหมา จึงได้ผลักดันให้เกิด “มูลนิธิสิทธิพร กฤดากร” เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของหม่อมเจ้าสิทธิพร และส่งเสริมการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อประโยชน์ทางการเกษตร
วาระสุดท้าย
หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา พิราลัยเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2521 ชันษาได้ 90 ปี พระอัฐิของท่านได้นำมาประดิษฐานไว้ที่ ณ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหารร่วมกับพระอัฐิของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร
Mom Sripromma Kridakara Na Ayudhya (Chao Sri Na Nan – หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา / เจ้าศรี ณ น่าน)
This AI-restored image is of Mom Sripromma Kridakara Na Ayudhya (née Chao Sri Na Nan – หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา / เจ้าศรี ณ น่าน). The original photographs date from the late reign of King Rama V (รัชกาลที่ ๕) to the reign of King Rama VI (รัชกาลที่ ๖).
The first photograph shows a style popular among the royal ladies of the Siamese inner court: a high-neck lace blouse in Edwardian fashion. It is believed to have been taken in the late reign of King Rama V (รัชกาลที่ ๕), around the 1910s.
The second and third photographs reflect late Edwardian or early Teens Fashion, noticeable in the lower neckline and shortened three-quarter sleeves. These are thought to date from the early reign of King Rama VI (รัชกาลที่ ๖), around the 1920s.
In all three images, Mom Sripromma (หม่อมศรีพรหมา) wears her hair in the dok krathum bun (ทรงดอกกระทุ่ม), a style fashionable since the reign of King Rama V (รัชกาลที่ ๕). Her attire is a hybrid ensemble, combining a pha sabai (แพรสะพาย), a Western lace blouse, and the traditional chong kraben (โจงกระเบน).
Biography
Mom Sripromma Kridakara Na Ayudhya (Chao Sri Na Nan – หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา / เจ้าศรี ณ น่าน, 19 March 1888 – 25 September 1978) was the daughter of Chao Suriyaphong Pharitdet (พระเจ้าสุริยะพงศ์ผริตเดช), Ruler of Nan (เจ้าประเทศราชผู้ครองนครน่าน), and Mom Sri Kham (หม่อมศรีคำ) of Vientiane (เวียงจันทน์). She became the principal consort of Mom Chao Sithiporn Kridakara (หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร) and played a key role in supporting agriculture and literature. She co-edited the journal Kasikorn (กสิกร), which offered a platform for agricultural experts and scholars, and also contributed her own columns on cookery and food preservation. Among her innovations were fruit juicing, pickling, and the production of ham and bacon—pioneering work in Thailand at a time when refrigeration did not yet exist.
Early Life
Chao Sri (เจ้าศรี) was born on 19 March 1888 as the youngest daughter, with five siblings in total—three brothers and two sisters, among them Chao Bua Kaew Na Nan (เจ้าบัวแก้ว ณ น่าน) and Chao Sripromma Na Nan (เจ้าศรีพรหมา ณ น่าน). At about the age of three, she was adopted by Phraya Mahiban Burirak (พระยามหิบาลบริรักษ์ – สวัสดิ์ ภูมิรักษ์)and his wife Khunying Un (คุณหญิงอุ๊น), who brought her to Bangkok for education at Sunandalai School (โรงเรียนสุนันทาลัย) and the Girls’ School of Wang Lang (โรงเรียนกุลสตรีวังหลัง, later Wattana Wittayalai School – วัฒนาวิทยาลัย).
In 1899 (พ.ศ. 2442), when Phraya Mahiban was posted to Russia, Chao Sri (เจ้าศรี) was placed under the care of Queen Saovabha Phongsri (สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ), Consort of King Chulalongkorn (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว). She lived and studied in the Grand Palace for three years, then followed her foster family to Russia and later England. On returning to Siam, she entered royal service as a lady-in-waiting (นางสนองพระโอษฐ์) to Queen Saovabha and also acted as an English interpreter in communications with foreigners.
Marriage and Agricultural Life
During the reign of King Rama VI (รัชกาลที่ ๖), her name was changed from “Chao Sri” (เจ้าศรี) to “Chao Sripromma” (เจ้าศรีพรหมา). In 1916 (พ.ศ. 2459), she married Mom Chao Sithiporn Kridakara (หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร) and thereafter became known as Mom Sripromma Kridakara Na Ayudhya (หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา). The couple had two children: M.R. Anuporn (หม่อมราชวงศ์อนุพร) and M.R. Phensri (หม่อมราชวงศ์เพ็ญศรี).
Mom Chao Sithiporn (หม่อมเจ้าสิทธิพร) later resigned from government service to take up farming in Bang Berd, Prachuap Khiri Khan Province (บางเบิด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์), on land inherited from Phraya Mahiban (พระยามหิบาลฯ). Together, they pioneered systematic farming and animal husbandry, creating one of Thailand’s first model farms. Their success was so great that Mom Chao Sithiporn was later honoured as the “Father of Modern Thai Agriculture” (บิดาแห่งการเกษตรแผนใหม่ของไทย).
Writing and Innovation
In addition to farming, the couple published the Kasikorn (กสิกร) journal, featuring academic articles on agriculture from various experts. Mom Sripromma (หม่อมศรีพรหมา) contributed her own columns on cookery and food preservation, especially her experiments in producing ham and bacon—making her the first Thai to succeed in such endeavours.
Role in National Affairs
In 1932 (พ.ศ. 2475), King Prajadhipok (พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว – Rama VII) appointed Mom Chao Sithiporn Kridakara (หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร) as Director-General of the Department of Agricultural Inspection. Later, during the Boworadet Rebellion (กบฏบวรเดช), he was implicated and sentenced to life imprisonment on Tarutao (เกาะตะรุเตา) and Tao (เกาะเต่า) Islands. Though eventually pardoned after serving 11 years, this period left Mom Sripromma (หม่อมศรีพรหมา) with the responsibility of caring for her children, managing the farm, and sending provisions to the prisons.
After his release, Mom Chao Sithiporn (หม่อมเจ้าสิทธิพร) returned to public service and twice served as Minister of Agriculture (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร) under Prime Minister Khuang Aphaiwong (นายควง อภัยวงศ์). Mom Sripromma (หม่อมศรีพรหมา) resumed her life in Bangkok. Following her husband’s death in 1971 (พ.ศ. 2514), she established the Sithiporn Kridakara Foundation (มูลนิธิสิทธิพร กฤดากร) to continue his legacy and support agricultural education.
Final Years
Mom Sripromma Kridakara Na Ayudhya (née Chao Sri Na Nan – หม่อมศรีพรหมา กฤดากร ณ อยุธยา / เจ้าศรี ณ น่าน) passed away on 25 September 1978 (พ.ศ. 2521) at the age of 90. Her ashes were enshrined at Wat Chana Songkhram Ratchaworamahawihan (วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร) alongside those of Mom Chao Sithiporn Kridakara (หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร).
#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashion #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand #UNESCO








