“ทูลกระหม่อมแก้ว” คือใคร ทำไมรัชกาลที่ ๕ ทรงเคารพและเอาพระทัยใส่อย่างยิ่ง?
“ทูลกระหม่อมแก้ว” คือใคร ทำไมรัชกาลที่ ๕ ทรงเคารพและเอาพระทัยใส่อย่างยิ่ง?
ผู้เขียน: กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม
เผยแพร่: วันพุธที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗
คอลเลกชันภาพที่ได้รับการบูรณะด้วยเทคโนโลยี AI ชุดนี้ คือพระรูปของ “ทูลกระหม่อมแก้ว” หรือ สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร คือพระอภิบาล (พระพี่เลี้ยง) ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เป็นพระประยูรญาติผู้ใหญ่คนสำคัญที่รัชกาลที่ ๕ ทรงผูกพันและเอาพระทัยใส่อย่างมาก
ทูลกระหม่อมแก้วทรงมีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้าหญิงละม่อม เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาทรัพย์ ทรงเป็นพระน้องนางเธอร่วมเจ้าจอมมารดาเดียวกับพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์ (สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ – สมเด็จพระอัยกาในรัชกาลที่ ๕) พระบิดาในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระราชมารดาในรัชกาลที่ ๕
พระองค์เจ้าหญิงละม่อมทรงรับสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ผู้เป็นหลานอา ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์เป็น “หม่อมเจ้ารำเพย” มาเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ และได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
กระทั่งสมเด็จพระบรมราชินีเสด็จสวรรคตขณะที่พระราชโอรสพระราชธิดาทั้ง ๔ พระองค์ยังทรงพระเยาว์ พระองค์เจ้าหญิงละม่อมจึงทรงรับหน้าที่เป็นพระอภิบาลพระราชกุมารา-พระราชกุมารี จนทรงเติบใหญ่ โดยตรัสเรียกพระองค์ว่า “เสด็จยาย” ส่วนคนทั่วไปเรียก “ทูลกระหม่อมแก้ว”
แม้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ฯ (รัชกาลที่ ๕) จะทรงเจริญวัย แต่พระองค์เจ้าหญิงละม่อมทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทุกข์สุขของพระองค์และพระเจ้าน้องยาเธออีก ๓ พระองค์เสมอ เช่น เมื่อเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ทรงมีพระราชธิดาพระองค์แรก คือ พระองค์เจ้าหญิงผ่อง พระองค์ก็ทรงรับภาระอภิบาลพระราชกุมารี
หรือเมื่อครั้งเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ทรงมีรักแรกกับ คุณแพ (ภายหลังคือเจ้าคุณพระประยูรวงศ์) แต่ทรงประสบอุปสรรคให้ต้องพลัดพรากจากกัน ทำให้มีพระอาการโศกเศร้าอย่างที่เรียกว่า กินไม่ได้นอนไม่หลับ พระองค์เจ้าหญิงละม่อมก็ทรงพลอยทุกข์ร้อนไปด้วย จึงทรงปรึกษากับเจ้าจอมมารดาเที่ยง ผู้รับดำเนินการจนความรักเสร็จสมปรารถนา เมื่อเจ้าจอมมารดาแพต้องไปคลอดพระหน่อที่สวนนันทอุทยาน พระองค์เจ้าหญิงละม่อมก็เสด็จไปดูแลและอภิบาลพระราชกุมารีด้วย
เมื่อเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ความผูกพันของพระองค์กับ “เสด็จยาย” มิได้ลดน้อยถอยลงเลย ยังทรงเอาพระทัยใส่ดูแลทุกข์สุขพระอภิบาลแต่ทรงพระเยาว์อย่างไม่เสื่อมคลาย
เช่น ครั้งหนึ่งรัชกาลที่ ๕ ทรงเห็นว่า วัดปากอ่าว จังหวัดนนทบุรี มีภูมิสถานงดงามแต่ทรุดโทรมไปมาก ทรงรำลึกถึง “เสด็จยาย” ด้วยทรงเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะร่วมกันสร้างมหากุศล จึงร่วมทุนทรัพย์กันเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์พระอารามวัดปากอ่าวจนงดงาม แล้วพระราชทานนามใหม่เป็นอนุสรณ์ว่า “วัดปรมัยยิกาวาส” ตามพระอิสริยยศที่โปรดพระราชทานแก่พระองค์เจ้าหญิงละม่อม คือ พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร
ชาววังสมัยนั้นต่างรู้ถึงความเคารพรักที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ทรงมีต่อเสด็จยายเป็นอย่างดี จึงพยายามทำตัวให้พระองค์โปรดปราน
เล่ากันว่า วิธีทำให้กรมพระยาสุดารัตนราชประยูรพอพระทัยคือการเข้าหา พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ กับ สมเด็จเจ้าหญิงใหญ่ (สมเด็จเจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์) พระราชธิดาในพระอัครชายาเธอ เพราะทั้ง ๒ พระองค์เป็นคนโปรดในกรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร จนมีคำกล่าวว่า “ใครจะประจบทูลกระหม่อมแก้ว ก็ต้องไปขออุ้มสมเด็จหญิงใหญ่ ลูกท่านองค์กลางให้ทอดพระเนตรเห็นเท่านั้นแหละ โปรดเกิ๊กก๊ากทีเดียว…”
เมื่อทรงมีพระชนมายุสูงขึ้น ทูลกระหม่อมแก้วทรงสมบูรณ์ น้ำหนักพระองค์มาก ทำให้ทรงพระดำเนินลำบาก รัชกาลที่ ๕ มักจะเสด็จไปเฝ้าเอง ณ ที่บรรทมอยู่บ่อยครั้ง
ภายหลัง สมเด็จฯ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูรเสด็จสวรรคตเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลิงศพด้วยพระเมรุกลางเมือง อย่างเช่นพระบรมวงศานุวงศ์ผู้ทรงพระเกียรติยศชั้นสูง
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_142945
____________________
Who Was “Tunkramom Kaew”, and Why Did King Rama V Hold Her in Such Profound Respect and Affection?
Author: Editorial Team, Silpa Wattanatham
Published: Wednesday, 13 November 2024
This AI-restored image collection presents the portrait of “Tunkramom Kaew” (ทูลกระหม่อมแก้ว), formally Somdet Phra Borommarajamata Mahayika Thoe Krom Phra Suddharatana Rajaprayoon (สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร). She served as the royal governess (พระอภิบาล / พระพี่เลี้ยง) to King Chulalongkorn (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) and was one of the most important senior relatives whom the King cherished deeply and cared for throughout his life.
Tunkramom Kaew was born Phra Ong Chao Lamom (พระองค์เจ้าหญิงละม่อม), a daughter of King Nangklao (รัชกาลที่ ๓) by Chao Chom Manda Sap (เจ้าจอมมารดาทรัพย์). She was the full sister of Phra Chao Lukya Thoe Phra Ong Chao Siriwong (พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าศิริวงศ์), later elevated as Somdet Phra Borommarajamata Mahayika (สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ)—the father of Queen Debsirindra (สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี) and thus the maternal grandfather of King Rama V.
Phra Ong Chao Lamom raised Queen Debsirindra—then titled Mom Chao Ramphoei (หม่อมเจ้ารำเพย)—from childhood until her elevation as Queen Consort of King Mongkut (พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว / รัชกาลที่ ๔).
After Queen Debsirindra passed away while her four children were still young, Phra Ong Chao Lamom assumed full responsibility as royal governess (พระอภิบาล) to the Prince and Princesses. The young Prince Chulalongkornaffectionately called her “Sadej Yai” (เสด็จยาย), while palace attendants referred to her as “Tunkramom Kaew” (ทูลกระหม่อมแก้ว).
Even as Prince Chulalongkorn grew older, Phra Ong Chao Lamom continued to watch over him and his royal siblings with great devotion. When he had his first daughter, Princess Phong (พระองค์เจ้าหญิงผ่อง), she also took up the duty of caring for the infant.
When the Prince suffered his first heartbreak involving Khun Pae (คุณแพ)—later known as Chao Khun Phra Prayurawongse (เจ้าคุณพระประยูรวงศ์)—he became gravely distressed, unable to eat or sleep. Phra Ong Chao Lamom, feeling his sorrow as though it were her own, sought the help of Chao Chom Manda Thieng (เจ้าจอมมารดาเที่ยง), who eventually reconciled the lovers. When Chao Khun Phra Prayurawongse went to give birth at Suan Nanta Uthayan (สวนนันทอุทยาน), Phra Ong Chao Lamom personally oversaw the confinement and cared for the newborn princess.
After ascending the throne as King Rama V, his affection and gratitude towards “Sadej Yai” remained unwavering. He continued to ensure her comfort, wellbeing, and honour.
A notable example was when he observed that Wat Pak Ao (วัดปากอ่าว) in Nonthaburi, once beautiful, had fallen into decay. Wishing to perform great merit together with his beloved governess, he funded its complete restoration. The temple was then renamed Wat Paramaiyikawat (วัดปรมัยยิกาวาส) in honour of her formal title, Phra Chao Borom Mahayika Thoe Krom Somdet Phra Suddharatana Rajaprayoon (พระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร).
Everyone in the palace knew the depth of the King’s devotion to his “Sadej Yai”. Many hoped to gain royal favour by pleasing her. It was often said that to win her goodwill, one should approach Phra Akkhara Chaya Thoe Phra Ong Chao Saovabha Nariratana (พระอัครชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์) or Somdet Chao Ying Yai (สมเด็จเจ้าหญิงใหญ่)—later titled Somdet Chao Fa Chanthrasattavat Krom Khun Phichitchetchadchan (สมเด็จเจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์)—both of whom were her great favourites. Hence the courtly remark:
“If you wish to win over Tunkramom Kaew, simply ask to hold Somdet Ying Yai—the middle daughter—for her to see. She will be delighted at once.”
In her later years, Tunkramom Kaew grew corpulent, making walking difficult. King Rama V would frequently go to her chambers to pay his respects and keep her company.
After Somdet Krom Phra Suddharatana Rajaprayoon passed away in 1886 (พ.ศ. ๒๔๓๙), King Rama V graciously ordered a full royal cremation with a grand phra meru (พระเมรุ) in the city, an honour reserved only for senior members of the royal family of the highest rank.
#aifashionlab #AI #aiartist #aiart #aifashion #aifashiondesign #aifashionstyling #aifashiondesigner #fashion #fashionhistory #historyoffashion #fashionstyling #fashionphotography #digitalfashiondesign #digitalcostumedesign #digitaldesign #digitalaiart #ThaiFashionHistory #ThaiFashionAI #thailand #UNESCO